เลือกบ้านแบบไหนที่ใช่คุณ
ก่อนจะเลือกซื้อบ้านสักหลัง เราต้องรู้ก่อนว่ารูปแบบบ้านมีกี่ประเภท แต่ละแบบเหมาะกับผู้พักอาศัยที่มีไลฟ์สไตล์แบบไหน แต่ละประเภทมีข้อแตกต่างกันอย่างไร
ประเภท 1 บ้านเดี่ยว
รูปแบบบ้านที่มาพร้อมกับพื้นที่รอบบ้านกว้างขวาง โปร่งโล่งสบาย มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าที่อยู่อาศัยแบบอื่น เป็นรูปแบบบ้านที่ถูกระบุไว้ตามพระราชบัญญัติบ้านจัดสรร จะต้องสร้างอยู่บนที่ดินขนาดตั้งแต่ 50 ตารางวาขึ้นไป มีการเว้นระยะห่างของตัวบ้านทุกด้านไม่ต่ำกว่า 2 เมตร เป็นบ้านที่ได้รับความนิยมสูง เพราะมีความเป็นส่วนตัวมีพื้นที่ส่วนตัวรอบบ้าน สามารถตกแต่งต่อเติมได้ตามความต้องการ แต่ก็จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าประเภทอื่น
ข้อดี
- มีพื้นที่ส่วนตัว มีระยะห่างจากแนวรั้วข้างบ้าน
- มีขนาดที่ดินใหญ่กว่าบ้านประเภทอื่น สามารถจัดสรรพื้นที่ได้หลากหลาย
- สามารถต่อเติมได้สะดวก เพราะมีพื้นที่เยอะ
ข้อด้อย
- ราคาค่อนข้างสูง ตามขนาดของพื้นที่
- หากไม่อยู่ในพื้นที่โครงการจัดสรรหรือพื้นที่ที่มีคนอาศัยพลุกพล่าน การดูแลเรื่องความปลอดภัยนั้นก็ถือว่าทำได้ยาก
- ต้นทุนในการบำรุงรักษาที่สูงมาก
บ้านเดี่ยวเหมาะกับผู้พักอาศัยแบบ: คู่รัก ครอบครัวขนาดเล็ก หรือครอบครัวขนาดใหญ่
ประเภท 2 บ้านแฝด
บ้านแฝด มีลักษณะคล้ายบ้านเดี่ยวแต่จะมีพื้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้านที่ติดกับบ้านอีกหลังหนึ่ง ส่วนพื้นที่ว่างด้านข้างอีกฝั่งหนึ่งจะไม่ติดกับใคร ดูจากภายนอกจะเหมือนมีบ้าน 2 หลังอยู่ในรั้วเดียวกัน (เพราะผนังของบ้านทั้ง 2 หลังนั้นจะติดกัน) โดยปัจจุบันรูปแบบบ้านแฝดส่วนใหญ่เริ่มมีการปรับเปลี่ยน โดยเปลี่ยนให้ภายนอกไม่มีผนังติดกับบ้านข้างเคียง แต่ปรับให้มีส่วนติดกันอยู่ใต้ดิน หรือส่วนที่อยู่ติดกันเป็นส่วนของห้องครัว ส่วนของห้องเก็บของ โรงจอดรถบ้าง มีขนาดที่ดินไม่ต่ำกว่า 35 ตารางวา ตามกฎหมาย
ข้อดี
- ราคาค่อนข้างถูกกว่าบ้านเดี่ยว
- ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเดี่ยว
- มีที่จอดรถเพียงพอ
ข้อด้อย
- มีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่าบ้านเดี่ยว
- มีผนังด้านหนึ่งติดกับบ้านข้างๆ
บ้านแฝดเหมาะกับผู้พักอาศัยแบบ: ครอบครัวขนาดเล็ก ครอบครัวขนาดกลาง คู่รักที่อาจวางแผนมีลูก
ประเภท 3 ทาวน์เฮ้าส์หรือทาวน์โฮม
บ้านทั้งสองประเภทจะมีความคล้ายคลึงกัน คือ มีผนังของบ้านติดกับหลังอื่นทั้ง 2 ด้าน ยกเว้นบ้านที่อยู่หัวมุมจะมีผนังที่ติดกับบ้านหลังอื่นเพียงด้านเดียวและอีกด้านที่ไม่ติดกับบ้านหลังอื่น ส่วนที่เป็นรั้วมักจะปิดแค่หน้าบ้านเท่านั้น โดยทาวน์เฮ้าส์และทาวน์โฮมทั้งสองชื่อมีความหมายและเป็นที่อยู่อาศัยประเภทเดียวกัน มักจะมีขนาดที่ดินไม่ต่ำกว่า 16 ตารางวา แต่ไม่เกิน 35 ตารางวา
ข้อดี
- ราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด
- การดูแลรักษาง่ายกว่าบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด
- สามารถดัดแปลงที่พักออกเป็นที่ทำงานหรือค้าขายได้ หากอยู่ในทำเลที่ดี
ข้อด้อย
- มีพื้นที่ใช้งานน้อยกว่าบ้านเดี่ยว และบ้านแฝด
- มีผนังทั้ง 2 ด้าน ติดกับบ้านข้างๆ
- ที่จอดรถมีจำกัด
- อาจมีเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้างข้างๆ
ทาวน์เฮ้าส์หรือทาวน์โฮมเหมาะกับผู้พักอาศัยแบบ: อยู่คนเดียว คู่รัก ครอบครัวขนาดเล็ก
ประเภท 4 คอนโดมิเนียม หรือ อาคารชุด
รูปแบบบ้านที่มีลักษณะเป็นตึกสูงหลายชั้น แบ่งเป็นหลายๆ ห้อง แต่ละห้องจะเรียกติดปาก ว่า 1 ยูนิต จะประกอบด้วย ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องรับแขก ส่วนห้องครัวมีพื้นที่ซักล้าง อาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมจะแบ่งเป็นห้องๆ มีหลายชั้น หนึ่งชั้นจะมีหลายห้องสร้างขึ้นมาสำหรับขาย คอนโดมีหลายชั้น หลายตำแหน่งทำให้สามารถเห็นวิวต่างกัน ทิศทางลม หรือแสงแดดก็ต่างกัน ทำให้คอนโดมีหลายราคา หลายขนาดพื้นที่ต่างกัน จำนวนห้องนอน ห้องน้ำก็แตกต่างกันไป ซึ่งบางโครงการอาจทำเป็น 2 ชั้น ลักษณะภายในคล้ายเป็นบ้าน 2 ชั้น คอนโดมิเนียม มักจะตั้งอยู่ที่เมืองใหญ่ ใจกลางเมือง ทำเลฮิต แหล่งงาน
สามารถแบ่งออกได้เป็นคอนโด High Rise ความสูงมากกว่า 8 ชั้น มีความเงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัว ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่สามารถเดินทางสะดวก มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ เพื่อรองรับกับยูนิตที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
ส่วนคอนโด Low Rise ความสูงน้อยกว่า 8 ชั้น เป็นที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมสำหรับคนที่ไม่ชอบความหนาแน่นในการอยู่อาศัยมากจนเกินไป
ซึ่งทั้ง 2 แบบมีพื้นที่ส่วนกลาง สิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งราคาจะเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละโครงการ
ข้อดี
- ทำเลดี เดินทางสะดวกใกล้ถนน
- มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
- มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี
ข้อด้อย
- มีพื้นที่ใช้สอยจำกัด
- อาจมีเสียงรบกวนจากข้างห้อง
- มีที่จอดรถจำกัด
- มีค่าส่วนกลางในการดูแลรักษาความสะอาด และอำนวยความสะดวกต่างๆ
- ส่วนใหญ่ไม่นิยมให้เลี้ยงสัตว์
คอนโดมิเนียมหรืออาคารชุดเหมาะกับผู้พักอาศัยแบบ: อยู่คนเดียว คู่รัก ครอบครัวขนาดเล็ก